บทความนี้ผมจะพาคุณพุ่งความสนใจอย่างหนักไปที่ กลยุทธ์ขั้นต้น (Basic strategy) หากคุณเพิ่งเริ่มต้นเทรด Fixed time นี่คือกลยุทธ์ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ กลยุทธ์นี้เรียกว่า “ไข่มุกญี่ปุ่น” มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษอย่างเป็นทางการคือ”Japanese Pearl”
ผมค้นพบกลยุทธ์นี้จากคำแนะนำของโบรกเกอร์ Olymptrade ครับ ต้องขอขอบคุณโบรกเกอร์แห่งนี้มา ณ โอกาสนี้ด้วย
ซึ่งจุดเด่นของกลยุทธ์นี้คือ ง่ายในการตั้งค่า และการใช้งาน เพราะคุณสามารถติดตั้ง Indicator เพียงตัวเดียวก็สามารถใช้งานกลยุทธ์ ไข่มุกญี่ปุ่น ได้แล้ว อีกทั้งวิธีตัดสินใจเปิดคำสั่งซื้อก็ใช้เงื่อนไขที่แสนง่ายครับ
เรียกว่าอ่านบทความนี้จบ ก็สามารถเริ่มต้นเทรดได้เลยทันที!
และเพื่อปูพื้นฐานให้คุณกลายเป็นเทพในกลยุทธ์นี้ ผมจะอธิบายอย่างเป็นขั้นตอน พร้อมพาคุณไปฝึกการตั้งค่า และสอนการเปิดคำสั่งซื้อทั้ง Buy และ Sell อีกทั้งผมจะมีตัวอย่างจริงที่ผมทดลองเปิกคำสั่งซื้อด้วยสัญญานี้จำนวน 8 ครั้ง เพื่อให้คุณได้ดูผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นประกอบการตัดสินใจว่าจะใช้กลยุทธ์ “ไข่มุกญี่ปุ่น” นี้หรือไม่
พร้อมแล้วใช่ไหมครับ ถ้าอย่างนั้นเราไปศึกษากันเลย
กลยุทธ์ “ไข่มุกญี่ปุ่น” (Japanese Pearl) คืออะไร
กลยุทธ์ “ไข่มุกญี่ปุ่น” มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า Japanese Pearl ออกแบบและพัฒนาขึ้นโดยนักกลยุทธ์ของโบรกเกอร์โอลิมเทรด (Olymptrade) ซึ่งใช้อินดิเคเตอร์เพียงตัวเดียวมีชื่อว่า Ichimoku Cloud มาเป็นตัวช่วย โดยใช้หลักการติดสินใจเปิดคำสั่งซื้อเพียง 2 เงื่อนไขเท่านั้น
ดังนั้น กลยุทธ์ “ไข่มุกญี่ปุ่น” จึงเหมาะสมสำหรับเทรดเดอร์ใหม่ ที่ต้องการเทรดในสัญญา Fixed time หรือในสัญญาอื่น ๆ ช่วยให้คุณง่ายต่อการสร้างผลตอบแทน และมีอัตราส่วนชนะที่น่าพึงพอใจ
โดยหากสรุปออกมาเป็น จุดเด่น จุดด้อยของกลยุทธ์ “ไข่มุกญี่ปุ่น” จะสามารถสรุปได้ดังตารางข้างล่างนี้
จุดเด่น | จุดด้อย |
---|---|
ใช้งานง่ายมาก | ไม่ทนต่อสภาวะตลาดที่มีข่าว |
ใช้งานได้ทุกโบรกเกอร์ | |
ติดตั้งอินดิเคเตอร์หลักเพียง 1 ตัว | |
ค่า Win Rate สูงกว่า 60% |
จากตารางข้างต้น สิ่งที่ต้องพึงระวังก่อนเลยคือ หากในช่วงเวลาก่อนและหลังสามสิบนาทีที่คุณจะเปิดคำสั่งซื้อ มีข่าวสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อราคาทรัพย์สินอ้างอิง คุณก็ไม่ควรเปิดคำสั่งซื้อเด็ดขาด เพราะความแม่นยำของกลยุทธ์จะลดลงเหลือศูนย์เลยครับ
ทีนี้ในขั้นตอนต่อไป ผมขอปูพื้นฐานเรื่องอินดิเคเตอร์ที่ชื่อว่า Ichimoku Cloud ให้คุณมีความรู้พื้นฐาน เพื่อความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเมื่อเลือกใช้กลยุทธ์ “ไข่มุกญี่ปุ่น” นี้
Ichimoku Cloud คืออะไร
Ichimoku Cloud เป็นเครื่องมือการวิเคราะห์ทางเทคนิคในการซื้อขายหุ้นและตลาดทางการเงิน ถูกพัฒนาโดย Goichi Hosoda ในช่วงทศวรรษ 1930 ในญี่ปุ่น
ชื่อ “Ichimoku Kinko Hyo” ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า “แผ่นเมฆที่อยู่เหนือตลาด” หรือ “แผ่นเมฆเป็นเครื่องมือวิเคราะห์เทรนด์” โดยมุ่งเน้นไปที่การใช้ข้อมูลที่มาจากอนุกรมราคาและเป็นเครื่องมือที่มีความซับซ้อนมาก เนื่องจากมีองค์ประกอบหลายอย่างซึ่งรวมถึง
Senkou Span A และ Senkou Span B
คือเส้นที่สร้างขึ้นโดยการรวมราคาต่ำสุดและราคาสูงสุดของระยะเวลาที่กำหนดไว้ และนำมาหนึ่งระยะเวลาไปข้างหน้า ในขณะที่ Senkou Span A ถูกคำนวณจากการเฉลี่ยของ Senkou Span B และ Senkou Span B ถูกคำนวณจากการเฉลี่ยของราคาสูงสุดและต่ำสุดในระยะเวลาที่กำหนดไว้
Kijun Sen (เส้นช้า)
เป็นเส้นการเคลื่อนที่เฉลี่ยของราคาในระยะกลาง
Tenkan Sen (เส้นเร็ว)
เป็นเส้นการเคลื่อนที่เฉลี่ยของราคาในระยะสั้น ซึ่งโดยปกติถ้าตัวเส้นมีลักษณะขยุกขยิกไปมา เหมือนว่าไม่สามารถกำหนดเทรน์ว่าเป็นขาขึ้นหรือลงได้ เราก็จะไม่เปิดคำสั่งซื้อ จนกว่า หน้าตาของเส้น Tenkan Sen จะมีทิศทางชัดเจน
Ichimoku Cloud มักจะถูกใช้ในการตัดสินใจซื้อขายเพื่อจับทิศทางของตลาด การที่ราคาอยู่ใน “เมฆ” หรือ “คลาวด์” มักจะแสดงถึงทิศทางของตลาด และการตัดกันของเส้นที่แตกต่างกันอาจถือเป็นสัญญาณซื้อขายสำคัญ
ในการวิเคราะห์ Ichimoku Cloud นี้เป็นเครื่องมือที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเทรนด์ ความสนใจของตลาด และระดับการสนับสนุนและการต้านทาน แต่ต้องใช้ความระมัดระวังในการวิเคราะห์อีกด้วยเนื่องจากมันอาจให้ข้อมูลที่ไม่แม่นยำเสมอไปทุกครั้ง และต้องใช้การวิเคราะห์เพิ่มเติมเพื่อเข้าใจสถานการณ์ของตลาดอย่างเต็มที่
อธิบายความแต่ละเส้น
ชื่อเส้น | อธิบาย |
---|---|
Tenkan Sen เส้นเร็ว | ถ้าขยุกขยิกเราไม่เปิดคำสั่งซื้อ |
Kijun Sen เส้นช้า | ถ้าเส้นเร็วเข้ามาตัดขึ้น หรือตัดลง เป็นสัญญาณทำคำสั่งซื้อ |
Chikou Span | ช่วยควบคุมภาพรวมการเทรดระยะสั้น |
ถ้า Chikou Span สูงกว่าราคา = ตลาดขาขึ้น | |
ถ้า Chikou Span ต่ำกว่าราคา = ตลาดขาขึ้น | |
Cloud เมฆ | หากราคาอยู่เหนือก้อนเมฆ Span A = ตลาดขาขึ้น |
หากราคาอยู่ใต้ก้อนเมฆ Span A = ตลาดขาลง |
กล่าวโดบสรุป Ichimoku Cloud สามารถช่วยคุณจับทิศทางของตลาดได้ว่าเป็นขาขึ้น หรือขาลง โดยราคาที่ปรากฎอยู่ในเมฆ สามารถช่วยสนับสนุนว่าทิศทางขาขึ้นหรือลงนั้นแม่นยำมากเพียงใด
หมายเหตุ กลยุทธ์ “ไข่มักญี่ปุ่น” จะใช้เงื่อนไขการตัดสินใจเปิดคำสั่งซื้อแตกต่างจาก การใช้กลยุทธ์ Ichimoku Cloud เล็กน้อย ดังนั้นโปรดอ่านและทำตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด
ในขั้นตอนต่อไป เราไปศึกษาวิธีตั้งค่ากลยุทธ์ “ไข่มุกญี่ปุ่น” และวิธีตั้งค่ากราฟแท่งเทียนกันครับ
วิธีตั้งค่ากลยุทธ์และกราฟแท่งเทียน
ก่อนที่เราจะไปศึกษาวิธีเปิดคำสั่งซื้อ เราต้องเซตกราฟของเราให้พร้อมโดยผมจะอธิบายโดยใช้โบรกเกอร์โอลิมเทรด เป็นตัวอย่างนะครับ โดยเริ่มจาก ขั้นตอนการติดตั้งกลยุทธ์ก่อน
วิธีติดตั้งกลยุทธ์ “ไข่มุกญี่ปุ่น”
1.ให้ login เข้าไปในหน้าเทรด แล้วคลิกที่ปุ่ม “เครื่องมือ” ตามภาพด้านล่าง
2.มองหาข้อความ “ไข่มุกญี่ปุ่น” แล้วคลิก ตามภาพด้านล่าง
3.จากนั้นกดปุ่ม “เปิดใช้กลยุทธ์”
4.หากได้ภาพเหมือนกับด้านล่าง ถือว่าการติดตั้งเสร็จเรียบร้อย
หลังจากเราตั้งค่ากลยุทธ์ “ไข่มุกญี่ปุ่น” เรียบร้อยแล้ว ต่อไปจะเป็นการตั้งค่ากราฟแท่งเทียนครับ โดยมีขั้นตอนง่าย ๆ ดังต่อไปนี้
วิธีตั้งค่ากราฟแท่งเทียน
ขั้นตอนการตั้งค่ากราฟแท่งเทียนนั้น จับหลักก่อนนะครับเราจะใช้กราฟราคาแท่งละ 10 นาที 15 นาที 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมงเท่านั้น เลือกเอาค่าใดค่าหนึ่งพอ โดยตัวอย่างนี้ผมจะเลือกเป็น 1 ชั่วโมงนะครับ
1.ให้เลือกแท่งเทียนญี่ปุ่น แล้วคลิกตามภาพด้านล่าง
2.ให้ตั้งค่าแท่งเทียนตรงนี้เป็น 1 ชม. ตามภาพด้านล่าง
3.เราก็จะได้กราฟเป็นแท่งเทียนแบบญี่ปุ่น และมีความยาวแท่งเทียนแต่ละแท่งที่ 1H ซึ่งถือว่าเราได้เซตกราฟพร้อมแล้วสำหรับการใช้งาน
เงื่อนไขเปิดคำสั่งซื้อ
เปิดคำสั่งซื้อ Buy (ขึ้น)
เงื่อนไขที่ | อธิบาย |
---|---|
1. | เส้นเหลืองตัดเส้นแดงขึ้น |
2. | ราคาอยู่เหนือก้อนเมฆสีเขียว (Span A) |
เวลาจะเปิดคำสั่งซื้อต้องไล่ตรวจไปทีละเงื่อนไขนะครับ โดยเริ่มจากตรวจว่า เส้นเหลืองตัดเส้นแดงขึ้น หรือไม่ ถ้าตัด ให้ดูเงื่อนไขที่สองคือ เส้นฟ้าอยู่เหนือแท่งเทียนหรือไม่ ถ้าอยู่ ก็ไปดูเงื่อนไขสุดท้ายคือ ราคา (แท่งเทียน) อยู่เหนือก้อนเมฆสีเขียวหรือไม่ ถ้าครบ 3 เงื่อนไข ค่อยเปิดคำสั่งซื้อ
ถ้าขาดเงื่อนไขแม้เพียงข้อเดียว ห้ามเปิดคำสั่งซื้อเด็ดขาด!
หมายเหตุ: การเปิดคำสั่งซื้อให้เปิดใกล้จุดตัดกันของเส้นสีเหลืองและแดงมากที่สุด โดยควรห่างมากที่สุดไม่เกิน 3 แท่งเทียน
เปิดคำสั่งซื้อ Sell (ลง)
เงื่อนไขที่ | อธิบาย |
---|---|
1. | เส้นเหลืองตัดเส้นแดงลง |
2. | ราคาอยู่ใต้ก้อนเมฆสีแดง (Span B) |
เวลาจะเปิดคำสั่งซื้อต้องไล่ตรวจไปทีละเงื่อนไขนะครับ โดยเริ่มจากตรวจว่า เส้นเหลืองตัดเส้นแดงลง หรือไม่ ถ้าตัด ให้ดูเงื่อนไขที่สองคือ เส้นฟ้าอยู่ใต้แท่งเทียนหรือไม่ ถ้าอยู่ ก็ไปดูเงื่อนไขสุดท้ายคือ ราคา (แท่งเทียน) อยู่ใต้ก้อนเมฆสีแดงหรือไม่ ถ้าครบ 3 เงื่อนไข ค่อยเปิดคำสั่งซื้อ
ถ้าขาดเงื่อนไขแม้เพียงข้อเดียว ห้ามเปิดคำสั่งซื้อเด็ดขาด!
ระยะเวลาปิดคำสั่งซื้อ (Time out)
ระยะเวลาปิดคำสั่งซื้อนั้นให้ใช้หลัก 3-5 เท่าของเวลาแท่งเทียน ซึ่งเราตั้งค่าแท่งเทียนแท่งละ 10 นาที ดังนั้นเราก็ตั้งระยะเวลาปิดสัญญาที่ 30-50 นาที
ผลการทดสอบ จำนวน 8 ไม้
เพื่อตรวจสอบว่ากลยุทธ์ “ไข่มุกญี่ปุ่น” สามารถใช้งานได้ดี ผมจึงได้ทดสอบกลยุทธ์ดังกล่าว
จากการทดสอบอย่างรวดเร็วจำนวน 8 คำสั่งซื้อในสินทรัพย์อ้างอิงที่แตกต่างกัน พบว่า สามารถทำกำไรได้ 5 คำสั่งซื้อ และทำนายผิดจำนวน 3 คำสั่งซื้อ โดยส่วนตัวถือว่า สามารถใช้งานได้ดีครับ เหมาะสมสำหรับเทรดเดอร์ใหม่มาก ๆ
กลเม็ดลับสร้าง Winrate มากขึ้น
และเพื่อให้อัตราชนะหรือ Win rate ของคุณเพิ่มมากขึ้น ผมมีคำแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เป็นประโยชน์ ที่สามารถเอาไปใช้งานได้จริงดังนี้คือ
1.กราฟต้องสวยเท่านั้น ไม่สวยอย่าเข้า
หมายความว่า ทรงกราฟและอินดิเคเตอร์ต้องสวยงาม มีการทำ HH หรือ LL อย่างต่อเนื่อง แบบนี้เท่านั้นเราถึงจะเทรด หากกราฟไม่สวยงามขยุกขยุยดูทรงไม่ออก แบบนี้เราไม่เทรดเด็ดขาด
2.เลือกทรัพย์สินอ้างอิงที่มอบผลตอบแทนน้อยเป็นหลัก
เมื่อเราได้กราฟสวยแล้ว หากมีหลายกราฟ ให้เราเลือกกราฟที่ผลตอบแทนน้อยที่สุดเป็นหลักก่อน เพราะจำนวนผลตอบแทนที่น้อยลงนั่นหมายความว่า ความผันผวนของราคาทรัพย์สินอ้างอิงต่ำกว่า กลุ่ม % สูงๆ
3.เทรดเพียง 1 ไม้ต่อวันเท่านั้น
จำนวนไม้สำคัญที่สุดผมเสนอว่าให้คุณเทรดเพียง 1 ไม้ต่อวันเท่านั้น ไม่ว่าผลจะออกมาแพ้หรือชนะ ก็ขอให้คุณเทรดเพียง 1 ไม้ครับ ดังนั้นเมื่อมีจำนวนไม้จำกัด จงเลือกไม้ที่ดีที่สุด กราฟทรงสวยที่สุด และเงื่อนไขการเปิดสัญญาครบถ้วน ค่อยออกไม้
บทสรุปตาคุณแล้ว
ตอนนี้คุณมีกลยุทธ์ที่ดีเพียงพอต่อการเริ่มต้นเทรดสัญญา Fixed time เรียบร้อยแล้ว ถ้าคุณอยากทดสอบความแม่นยำด้วยตนเอง ผมแนะนำให้สมัครเป็นสมาชิกโบรกเกอร์โอลิมเทรด แล้วเทรดตามสูตรที่เรียนมาข้างบนนี้
แล้วคุณจะพบว่า การเป็นเทรดเดอร์สัญญา Fixed time ไม่ได้ยากอย่างที่เราคิดนั่นเอง